Header

ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้งานเว็บไซต์

นโยบายความเป็นส่วนตัว
(สำหรับเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน)
เลขที่ PRIN-PC-LAW-002 _00


เนื่องด้วย บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (เรียกรวมว่า “บริษัทฯ” หรือ “บริษัท”) ได้จัดทำขึ้นเว็บไซต์และแอปพลิเคชันเพื่อเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร กิจกรรมการให้บริการต่าง ๆ ของบริษัทฯ ในรูปแบบเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลท์ฟอร์มช่องทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook  Youtube และในอนาคตบริษัทอาจจะจัดทำเว็บไซต์และแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่ถูกจัดทำขึ้นไม่ว่าในช่องทางอื่นๆ ซึ่งต่อไปในนโยบายฉบับนี้จะเรียกว่า “เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน” 

ดังนั้น บริษัทฯจึงได้ออกนโยบายฉบับนี้ เพื่อให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน (“ผู้ใช้งาน”) 
ได้รับทราบเงื่อนไข ข้อกำหนดและข้อตกลงการใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันอันเกี่ยวกับนโยบาย
ความเป็นส่วนตัว ในการใช้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทและบริษัทในเครือ โดยละเอียดก่อนการเข้าใช้บริการเว็บไซต์และและแอปพลิเคชันของบริษัท  

โดยนโยบายฉบับนี้ให้ถือว่าในการเข้าใช้บริการเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ผู้ใช้งานได้ตกลงที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดการให้บริการที่กำหนดไว้นี้ หากผู้ใช้งานไม่ประสงค์ที่จะผูกพันตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการ ขอความกรุณาผู้ใช้งานยุติการเข้าชมและใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันทันที

ข้อ 1. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล 
บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานเท่าที่จำเป็น ในกรณีที่ผู้ใช้งานได้ให้ข้อมูลแก่ บริษัทฯ โดยตรงเพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการต่างๆ ของโรงพยาบาลในเครือธุรกิจของ บริษัทฯ สำหรับผู้ใช้งาน เช่น การให้บริการทางการแพทย์ การติดต่อสื่อสาร  การเรียกเก็บค่าบริการ
การพัฒนาคุณภาพบริการ  เพื่อพิจารณาดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนการเข้าทำสัญญา ซึ่งครอบคลุมถึงวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ เช่น
• พิจารณาคำขอลงทะเบียนเพื่อสร้างบัญชีผู้ใช้บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
• เพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานในการลงทะเบียนเพื่อสร้างบัญชีผู้ใช้บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
• เพื่อดำเนินการลงทะเบียนผู้ป่วยใหม่ในระบบสารสนเทศของโรงพยาบาลฯ
• เพื่อดำเนินการลงทะเบียนการเข้ารับบริการกับโรงพยาบาลฯ และเพื่อติดต่อผู้ใช้งานในการให้บริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น การลงทะเบียนนัดหมายแพทย์
• เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อผลิตภัณฑ์และบริการจากโรงพยาบาลฯ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น โปรแกรมการตรวจสุขภาพ โปรแกรมการรักษาพยาบาลต่างๆ เป็นต้น
• เพื่อชำระเงินค่าผลิตภัณฑ์และบริการแก่โรงพยาบาลฯ เช่น การชำระค่าแพ็กเกจการบริการผ่านเว็บไซต์ การชำระค่าผลิตภัณฑ์และบริการ เป็นต้น
• เพื่อทำการประเมินราคาค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าบริการการให้คำปรึกษาโดยแพทย์

การวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้าและ/หรือบริการ รวมถึงข้อมูลสุขภาพ เพื่อนำเสนอหรือส่งข่าวสารประชาสัมพันธ์ การแจ้งเตือน โปรโมชั่น แคมเปญ หรือเชิญชวนเข้าร่วมกิจกรรมของโรงพยาบาลฯ ที่อาจเป็นประโยชน์และตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน ตามช่องทางที่ผู้ใช้งานได้ให้ไว้

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อาจดำเนินการรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้ข้อมูลโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้งานในกรณีต่อไปนี้:
• เพื่อใช้สิทธิ หรือ ปฏิบัติตามกฎหมาย: เช่น การดำเนินการติดตามค่ารักษาพยาบาล การให้ข้อมูลแก่หน่วยงานภาครัฐตามที่กฎหมายกำหนด การปฏิบัติตามคำสั่งศาล
• เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ เช่น การป้องกันการทุจริต การรักษาความปลอดภัยของระบบข้อมูล หรือการดำเนินคดีตามกฎหมาย
• เพื่อคุ้มครองชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของบุคคล: เช่น ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน การป้องกันอาชญากรรม
• เพื่อผลประโยชน์สาธารณะ: เช่น การป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
• เพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ : โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องมีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม
• เพื่อการจัดทำสถิติ : โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่สามารถระบุตัวตนของบุคคลได้

ข้อ 2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม 
บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลตามหนังสือยินยอมนี้ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมโดยตรงจากผู้ใช้งาน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
• ข้อมูลระบุตัวตนของผู้ใช้งาน  เช่น  ชื่อ-นามสกุล, วันเดือนปีเกิด, เพศ, ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล, หมายเลขบัตรประชาชน, หนังสือเดินทาง, ภาพถ่าย (สำหรับบัตรประจำตัวของคนไข้) 
• ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ (ตามทะเบียนบ้านและ/หรือที่อยู่ปัจจุบัน) หมายเลขโทรศัพท์ 
(มือถือและ/หรือที่ทำงาน) อีเมล (เพื่อใช้ในการติดต่อและส่งข้อมูลสำคัญ) ที่อยู่สำหรับส่งเอกสาร, หมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้
• ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อใช้งานระบบ เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ (Username) ชื่อบัญชีบัญชีสังคมออนไลน์ เช่น Line Facebook X รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลจากบัญชีสื่อสังคมออนไลน์
• ข้อมูลสุขภาพ เช่น อาการป่วย, ผลการตรวจวินิจฉัย, สารแพ้, ประวัติการรักษาพยาบาล, กลุ่มเลือด
• ข้อมูลประกันสุขภาพ : ชื่อบริษัทประกัน, เลขที่กรมธรรม์ (ถ้ามี)
• ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต/เดบิต หรือข้อมูลการชำระเงินอื่นๆ
• ข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยอัตโนมัติ ในกรณีที่ท่านเข้าใช้บริการ เช่น เวลาเข้าใช้ (Access Time) หมายเลขอุปกรณ์ (Device ID) หรือหมายเลขประจำเครื่องอื่น ๆ (Unique Identifier) เลขที่อยู่ไอพี (IP Address) หมายเลขเฉพาะที่ใช้อ้างถึงอุปกรณ์ที่ต่อกับเครือข่าย (Mac Address) ข้อมูลการใช้งานโดยรวม ประวัติการใช้งาน การตั้งค่า ข้อมูลภาษา ชื่ออุปกรณ์และรุ่น สถานที่และเขตเวลา ผู้ให้บริการเครือข่าย ข้อมูลระบบปฏิบัติการ และระยะเวลาที่ท่านอยู่ในระบบ เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทฯจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหวตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อทางการเมือง ข้อมูลสุขภาพ 
รหัสประจำตัวทางการแพทย์ หรือข้อมูลทางชีวภาพที่อาจเปิดเผยถึงความลับส่วนบุคคลอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการละเมิดสิทธิของผู้ใช้งาน เว้นแต่ การเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวจะเป็นไปตามที่กฎหมายอนุญาต หรือ
ในกรณีที่ผู้ให้ข้อมูลได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้ง หรือเพื่อการปฏิบัติตามข้อบังคับทางกฎหมาย

ข้อ 3. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูล
บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลหรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่างๆ จากแหล่งข้อมูล ดังต่อไปนี้

1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงในช่องทางให้บริการ
ต่างๆ เช่น การลงทะเบียนเข้ามารับการรักษาพยาบาล ลงนามในสัญญา เอกสารทำแบบสำรวจ การสร้างบัญชี การลงทะเบียนใช้งานผลิตภัณฑ์และบริการไม่ว่าในรูปแบบการทะเบียนเอกสาร ช่องทางเว็บไซต์ ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือผ่านทางแอปพลิเคชันของโรงพยาบาลฯ หรือช่องทางการให้บริการอื่นที่ควบคุมดูแล
โดยบริษัทฯ เช่น  หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลติดต่อสื่อสารกับบริษัทฯ ณ ที่ทำการหรือผ่านช่องทางติดต่ออื่นที่ควบคุมดูแลโดยบริษัทฯ เป็นต้น
  2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นนอกจากผู้ใช้งาน โดยที่แหล่งข้อมูลดังกล่าว
มีอำนาจหน้าที่ มีเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น การรับข้อมูลส่วนบุคคลจากหน่วยงานของรัฐ หรือเอกชนแห่งอื่น ในฐานะที่บริษัทฯมีหน้าที่ตามพันธกิจในการดำเนินการแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมถึงจากความจำเป็นเพื่อให้บริการตามสัญญาที่อาจมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลกับหน่วยงานคู่สัญญาได้ 

ข้อ 4. บุคคลที่อาจได้รับจากการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ อาจจะเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือนอกประเทศไทย ตามมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนด และยินยอมให้ บริษัทฯ ดำเนินการตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและกฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างต้นให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้:
• บุคคลหรือนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการการบริการทางการแพทย์ภายในโรงพยาบาล 
เช่น แพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด ผู้ให้บริการทางห้องปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ด้านการตลาด โฆษณา การสื่อสาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น
• หน่วยงานราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสาธารณสุข หรือหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย เช่น สำนักงานประกันสังคม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อการเรียกเก็บค่าบริการและการตรวจสอบสิทธิ, กรมควบคุมโรค เพื่อการรายงานโรคติดต่อ หรือหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ที่มีอำนาจ
• บริษัทประกันภัย/ประกันสุขภาพ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับสัญญาประกันกลุ่มของพนักงาน เช่น 
การตรวจสอบสิทธิ์ การเบิกค่ารักษาพยาบาล การเรียกเก็บเบี้ยประกันภัย
• บุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น ธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย  หรือผู้ให้บริการทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ
• หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้

ข้อ 5. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
    บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ที่อธิบายไว้ในหนังสือฉบับนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทางกฎหมาย และเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ จะดำเนินการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นตามขั้นตอนการทำลายข้อมูลของ บริษัทฯ และจะดำเนินการให้เสร็จโดยไม่ชักช้า   
    เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้ข้อมูล  บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ 
ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ  ดังนี้:
• การเข้าถึงระบบ: จำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้เฉพาะบุคลากรที่เกี่ยวข้องโดยตรง และ
มีการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงที่แตกต่างกันไปตามหน้าที่ความรับผิดชอบ
• การรักษาความปลอดภัยทางกายภาพ: ควบคุมการเข้าออกพื้นที่ที่เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย เช่น กล้องวงจรปิด 
• การรักษาความปลอดภัยทางเทคนิค: ใช้เทคโนโลยีในการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น การควบคุมความปลอดภัยโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบคอมพิวเตอร์ การเข้ารหัสข้อมูล การสร้างไฟร์วอลล์ และการตรวจสอบระบบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องการเข้าถึง 
การเปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผยข้อมูลโดยมิชอบ
• การสำรองข้อมูล: สำรองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำ และเก็บสำเนาสำรองไว้ในที่ปลอดภัย
• การแจ้งเหตุการณ์รั่วไหลของข้อมูล: หากเกิดเหตุการณ์รั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ 
จะดำเนินการแจ้งให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบโดยทันที พร้อมกับดำเนินการตามมาตรการรับมือในกรณีเกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นโดยประกาศให้ทราบกัน
โดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดย บริษัทฯ ได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงหนังสือฉบับนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม

ข้อ 6. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้ข้อมูล
ผู้ใช้งานมีสิทธิในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งรวมถึงสิทธิหลักต่างๆ ดังนี้:
• ผู้ใช้งานมีสิทธิในการขอทราบข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของข้อมูล และวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูลดังกล่าว
• ผู้ใช้งานสามารถขอให้ บริษัทฯ ทำการแก้ไขหรืออัพเดตข้อมูลได้ตามความจำเป็น หากข้อมูล
ส่วนบุคคลที่ บริษัทฯ เก็บรวบรวมมีความไม่ถูกต้อง หรือไม่สมบูรณ์
•   ผู้ใช้งานมีสิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯเก็บรวบรวมหากข้อมูลดังกล่าวไม่จำเป็นสำหรับการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ หรือข้อมูลดังกล่าวมีการเก็บรวบรวมโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
• ผู้ใช้งานสามารถขอให้บริษัทฯ จำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ข้อมูลไม่ถูกต้อง หรือไม่จำเป็นต้องใช้งานต่อไป หรือหากผู้ใช้งานคัดค้านการใช้ข้อมูลดังกล่าว
• ผู้ใช้งานมีสิทธิในการขอให้ บริษัทฯ ถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลที่สาม หรือบุคคลอื่น
ที่ผู้ใช้งานกำหนด โดยข้อมูลนั้นจะต้องเป็นข้อมูลที่ผู้ใช้งานได้ให้ความยินยอมให้เก็บรวบรวมและใช้ในรูปแบบที่สามารถอ่านได้โดยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
• ผู้ใช้งานสามารถคัดค้านการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองในกรณีที่ บริษัทฯ ใช้ข้อมูลดังกล่าว
ในลักษณะที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับความยินยอม 
•ผู้ใช้งานมีสิทธิในการถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ได้ตลอดเวลา โดยการถอนความยินยอมจะไม่กระทบต่อการดำเนินการที่ บริษัทฯ ได้ดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้ตามความยินยอมดังกล่าว

ข้อ 7. การส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ 
กรณีที่บริษัทจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ ภายใต้การพิจารณาว่าประเทศปลายทางที่รับข้อมูลส่วนบุคคลมีมาตรฐานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ หรือมีคุณสมบัติตามกฎหมาย โดยเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ พนักงานผู้ปฏิบัติงานควรหารือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลก่อนดำเนินการ

ข้อ 8. ช่องทางการติดต่อ 
         หากผู้ให้ข้อมูลต้องการใช้สิทธิใดๆ ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ กรุณาดำเนินการเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมแนบสำเนาหลักฐานเพื่อแสดงตัวตน  และหากผู้ให้ข้อมูลมีคำถาม ข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้  ผู้ให้ข้อมูลสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามรายละเอียดดังนี้

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
E-mail:
                 [email protected]
สถานที่ติดต่อ:      บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) เลขที่ 29 อาคารบางกอกบิสซิเนสเซ็นเตอร์  
                             ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
                        
       ทั้งนี้ ข้อมูลที่ต้องแจ้งให้บริษัทฯ ทราบ ได้แก่ 
• ชื่อ-สกุล เลขที่บัตรประชาชน / เลขหนังสือเดินทาง
• เรื่องที่ต้องการติดต่อสอบถาม / รายละเอียดของข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
• เบอร์โทรและที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้  รวมทั้งอีเมลเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

 ประกาศ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2568