
โควิด-19 ระลอกใหม่ พุ่งหลังสงกรานต์ ควรตระหนักแต่ไม่ตื่นตระหนก
19 เมษายน 2566

หลังจากเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2566 ที่ผ่านพ้นไปหลายๆ คนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาไปพักผ่อนและฉลองร่วมกับครอบครัวในขณะที่มีการผ่อนคลายทางมาตรการควบคุมของสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการอนุญาตให้จัดงานเป็นปีแรก ประชาชนออกมาร่วมสนุกสนานในกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ในแต่ละพื้นที่เป็นจำนวนมาก มีการรวมตัวใกล้ชิดกับผู้คนที่ไม่รู้จัก โดยที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัย จึงเป็นความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการติดเชื้อได้ โดยจากการคาดการณ์ไว้ว่าช่วงสงกรานต์จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นแม้อาการไม่หนักแต่ก็ไม่ควรมองข้าม
นพ.ศราวุธ มากล้น อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ ประจำโรงพยาบาลพิษณุเวช ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ แนะหลังจากเดินทางกลับมาจากการร่วมเทศกาลสงกรานต์ให้เฝ้าสังเกตอาการของโควิดของตนเองและครอบครัวภายใน 7 วัน ควรใส่หน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง “ถ้าหากเริ่มมีอาการไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก คั่นเนื้อคั่นตัว ให้ตรวจด้วย Antigen Test Kit หรือ ATK หากผลเป็นบวก ควรมาปรึกษาแพทย์ หากยังไม่มีอาการปรากฏยังไม่แนะนำให้ตรวจ ATK”
อย่างไรก็ตามสถานการณ์โควิดสายพันธุ์ใหม่ก็ยังน่าเป็นห่วงและควรตระหนักถึงการป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะสายพันธุ์โควิดลูกผสม XBB.1.16 ที่ขณะนี้มีการแพร่มากขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะที่อินเดีย ที่มีการระบาดเพิ่มมากขึ้นมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ทั้งยังดื้อต่อภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ และภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนในช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งยังไม่เป็น Bivarent vaccine สายพันธุ์ XBB.1.16 ยังเป็นลูกหลานจากตระกูลโอมิครอน ไม่เหมือนสายพันธุ์ในอดีต ที่เป็นตัวต้นตระกูลที่กลายพันธุ์ ทั้งอู่ฮั่น อัลฟา เบตา เดลตา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเชื่อว่า XBB.1.16 มีแนวโน้มแทนที่สายพันธุ์อื่นๆ กลายมาเป็นสายพันธุ์หลักที่จะระบาดในช่วงต่อไป แต่ยังไม่พบว่ามีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์โอมิครอนอื่นๆ จึงยังไม่ควรตื่นตระหนก
อาการเบื้องต้นที่พบของสายพันธุ์นี้ พบมีอาการไข้สูง มีหวัด และไอ นอกจากนั้นมีรายงานในอินเดียซึ่งพบอาการเด่นที่แตกต่างจากสายพันธุ์อื่นคือ “มีเยื่อบุตาอักเสบ มีอาการคันตา ขี้ตาเหนียว ทำให้ลืมเปลือกตาไม่ขึ้น แต่ไม่ได้เป็นหนอง” อาจทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเป็นอาการภูมิแพ้ แต่อาการดังกล่าวยังไม่พบในเคสที่พบในไทยทั้งหกราย
หากพบว่ามีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพราะจากลักษณะอาการดังกล่าวอาจเข้าใจผิดได้ว่าเป็นอาการภูมิแพ้
ดังนั้นสิ่งที่ยังคงสำคัญที่สุดสำหรับการป้องกันโควิด-19 คือการฉีดวัคซีน แม้จะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% แต่ก็ยังมีความจำเป็นที่ช่วยเป็นเกราะป้องกันการป่วยหนักและลดการเสียชีวิตได้ สำหรับผู้ที่ฉีดเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือน โดยเฉพาะในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง อายุมากกว่า 60 ปี หรือมีโรคประจำตัว ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อรุนแรง แนะนำให้เข้ามารับวัคซีนโควิดเพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง อายุมากกว่า 60 ปี หรือมีโรคประจำตัว จึงควรได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ประจำปี หรือเข็มกระตุ้น และควรสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะเมื่อใกล้ชิดผู้อื่น
ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด
18 เมษายน 2568
รพ.พริ้นซ์ อุบลราชธานี สนับสนุนหน่วยปฐมพยาบาลและรถพยาบาล ณ งานคอนเสิร์ตนครปาเซ แขวงจำปาสัก สปป.ลาว
14-17 เมษายน 2568 – โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี ในเครือพริ้นซ์ (PRINC GROUP) ได้ให้การสนับสนุนด้านการแพทย์ในงานคอนเสิร์ตซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองนครปาเซ แขวงจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยจัดหน่วยปฐมพยาบาลพร้อมรถพยาบาล (Ambulance) เข้าร่วมให้บริการตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรม
18 เมษายน 2568
รพ.พริ้นซ์ อุบลราชธานี มอบน้ำดื่ม ร่ม และเสื้อ ให้เจ้าหน้าที่ด่านชายแดนไทย–ลาว เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ 2568
8-12 เมษายน 2568 – โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี ในเครือพริ้นซ์ (PRINC GROUP) จัดกิจกรรมมอบน้ำดื่ม ร่ม และเสื้อ เพื่อส่งมอบกำลังใจและสร้างขวัญให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณด่านชายแดนไทย-ลาว ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2568
18 เมษายน 2568
รพ.พริ้นซ์ อุบลราชธานี สนับสนุนหน่วยปฐมพยาบาลและรถพยาบาลฉุกเฉิน ในงาน ‘Songkran Music Fest 2025’
11-12 และ 16 เมษายน 2568 – โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี ในเครือพริ้นซ์ (PRINC GROUP) ได้ร่วมสนับสนุนการจัดตั้งหน่วยปฐมพยาบาลพร้อมรถฉุกเฉิน (Ambulance) ภายในงาน ‘Songkran Music Fest 2025’ ณ ลานจอดรถสุนีย์ ทาวเวอร์ จังหวัดอุบลราชธานี เนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยและดูแลสุขภาพของประชาชนที่มาร่วมงาน
18 เมษายน 2568
รพ.พริ้นซ์ อุทัยธานี ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยหลังเหตุแผ่นดินไหว พร้อมให้บริการตามปกติ
9 เมษายน 2568 – วิศวกรโยธาจากบริษัท ภูมิ เอ็นจิเนียริง ดีซายน์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ได้เข้าดำเนินการสำรวจและตรวจสอบโครงสร้างอาคารของโรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี ในเครือพริ้นซ์ (PRINC GROUP) ภายหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในพื้นที่