
“อัณฑะบิดหมุน” รู้ทันรักษาไว ปล่อยนานอาจต้องตัดลูกอัณฑะ

โรคอัณฑะบิดหมุน (Testicular Torsion) มีโอกาสพบได้บ่อยในวัยรุ่นและเด็กชาย เป็นภาวะฉุกเฉินที่หากปล่อยไว้ อันตรายจนอาจต้องตัดเอาลูกอัณฑะออก เราจะมีปฏิบัติตัวอย่างไรให้ห่างไกลจากภาวะโรคนี้
นพ.ปวิชญ์ วิรัชศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโรงพยาบาลวิรัชศิลป์ จ.ชุมพร ในฐานะแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรม ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับโรคอัณฑะบิดหมุนว่า เป็นโรคที่พบได้บ่อยในวัยรุ่นชายที่มีอายุราว 12-18 ปี ซึ่งได้กล่าวถึงว่าโรคนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เด็กกำลังเติบโตอยู่ และมีการเปลี่ยนแปลงของอัณฑะ อาการที่พบอาจเกิดอาการปวดที่อัณฑะข้างใดข้างหนึ่งทั้งด้านซ้ายและด้านขวา จึงจำเป็นต้องระมัดระวัง แนะหากมีอาการปวดอัณฑะมากและเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหรือบิดเบี้ยวของอัณฑะ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาภายใน 4 ชั่วโมง หากการรักษาไม่ได้ดำเนินการทันที อาจส่งผลให้เกิดการขาดเลือดที่อัณฑะและอาจต้องทำการผ่าตัดนำลูกอัณฑะออกไป
ส่วนสาเหตุของภาวะอัณฑะบิดหมุน เกิดจากหลอดเลือดบิดเกลียว จากความผิดปกติของถุงอัณฑะหย่อนคล้อยหรือขนาดเล็ก อาจ หรือมี ติ่งเนื้อที่ถุงอัณฑะ หรืออาจจะเกิดจากพันธุกรรมได้ ซึ่งอาการของโรคอาจจะยังไม่แสดง ถ้ายังไม่มีปัจจัยไปกระตุ้น เช่น ท่าการนอน การทำกิจกรรมที่ส่งผลต่อการกระทบกระเทือนของร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงที่อายุยังไม่มาก
“เคยพบเคสที่เป็นเด็กนักเรียนที่ปิดเทอมมาเที่ยวทะเล จ.ชุมพร พบอาการปวด หลังจากกระโดด ตอนนั้นเด็กดีใจที่ได้เห็นคลื่นทะเล มีบางเคสเกิดอาการปวดทันทีหลังจากการนอนหงายและนอนคว่ำสลับกัน ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยอายุระหว่าง 12-18 ปี จึงแนะนำเด็กวัยรุ่นในช่วงอายุนี้ หลีกเลี่ยงเล่นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การขี่จักรยานเร็วหรือกระโดดตีลังกา เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดภาวะโรคอัณฑะบิดหมุน”, นพ.ปวิชญ์ กล่าว
สำหรับการรักษาโรคอัณฑะบิดหมุนในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะทำให้มีโอกาสหายจากโรคมากขึ้น ดังนั้นเด็กชายควรต้องสังเกตหากมีอาการปวดบริเวณอัณฑะมาก และสังเกตรูปร่างมีการเปลี่ยนแปลงหรือบิดเบี้ยวไป ควรรีบพบแพทย์ทันที
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม:
แผนกผู้ป่วยนอก (OPD) เฉพาะทางศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลวิรัชศิลป์ จ.ชุมพร
ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ โทร: 077-542-594 (ติดต่อแผนกผู้ป่วยนอก)
หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.virajsilp.com/medical-center/แผนกศัลยกรรม-Surgical-Department
เรียบเรียงโดย : ธัญชณัท เอกจิรวรรธ
ตรวจโดย : นพ.ปวิชญ์ วิรัชศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโรงพยาบาลวิรัชศิลป์ จ.ชุมพร ในฐานะแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรม
บทความสุขภาพอื่น ๆ
ข่าวสุขภาพ
ไขข้อสงสัย ฝีดาษลิง สายพันธุ์ใหม่ ‘Clade 1B’ เหตุใดจึงถูกยกระดับเป็นภัยฉุกเฉินระหว่างประเทศ
โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) สายพันธุ์ Clade 1B ทั่วโลกรวมถึงไทยที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้แถลงข่าวการพบผู้ป่วยสงสัยฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1B รายแรกในประเทศไทย เดินทางจากทวีปแอฟริกา ตรวจพบอาการสงสัยโรคฝีดาษลิง สายพันธุ์ Clade 1B ที่ทั่วโลกกำลังเฝ้าระวัง ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงได้ขยายไปทั่วโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศแถบทวีปแอฟริกา
บทความทางการแพทย์
29 มีนาคม 2567
อัลไซเมอร์ โรคที่เกิดจากการเสื่อมของโปรตีนในสมอง ไม่ใช่โรคหลงลืม ในผู้สูงอายุ อย่างที่หลายคนเข้าใจ
‘อัลไซเมอร์’ เกิดจากความเสื่อมถอยของการทำงานของเนื้อเยื่อสมองซึ่งไม่ใช่ความเสื่อมตามธรรมชาติ โรคอัลไซเมอร์มักถูกตรวจวินิจฉัยพบในกลุ่มผู้สูงอายุ แต่ไม่ใช่ผู้สูงอายุทุกคนที่จะมีอาการของโรคอัลไซเมอร์
บทความทางการแพทย์
ไขข้อสงสัย: โรคใหลตายคืออะไร?
ในอดีต หรือแม้กระทั่งในปัจจุบัน ‘โรคใหลตาย’ อาจเป็นนิยามที่ถูกเอามาใช้ในการอธิบายการเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ