Header

mark

โรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ รู้จักสัญญาณเตือนก่อนเสียการมองเห็น

28 มีนาคม 2567

avatar เขียนโดย : นพ.ศุภราช เลาหพิทักษ์วร, จักษุแพทย์เฉาพะทาง, รพ.พริ้นซ์ อุบลราชธานี

blog

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น อวัยวะต่าง ๆ ก็เริ่มเสื่อมถอยตามกาลเวลา โดยเฉพาะ “ดวงตา” เป็นอวัยวะที่ใช้งานอย่างหนักและจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตของเราทุกคน โรคพบได้บ่อยในวัยผู้สูงอายุ คือ “โรคจอประสาทตาเสื่อม (Age-Related Macular Degeneration: AMD)” โรคนี้ในระยะแรกผู้ป่วยมักจะไม่แสดงอาการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ จนหลายคนชะล่าใจ และทำให้มารักษาล่าช้า ดังนั้นเมื่อสงสัยว่าตนเองมีปัญหาเกี่ยวข้องกับดวงตาจึงควรพบจักษุแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อทำการตรวจ วินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งสามารถลดโอกาสการสูญเสียการมองเห็นในอนาคตได้

 

โรคประสาทตาเสื่อมคืออะไร ?

โรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมถอยของร่างกายตามอายุ มีการสะสมของเสียในดวงตา (drusen) เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ บริเวณกลางจอประสาทตารวมถึงจุดรับภาพชัด ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสสูญเสียการมองเห็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณตรงกลางของภาพ (ตรงกลางลานสายตา) แต่ส่วนบริเวณด้านข้างของการมองเห็นจะยังคงดีอยู่ 

ในปัจจุบันนี้ได้มีการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวข้องกับโรคจอประสาทตาเสื่อมนี้เป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามโรคจอประสาทตาเสื่อมนี้ยังเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่สามารถทำให้การดำเนินของโรคช้าลงได้  จากการศึกษาวิจัยพบว่าผู้ป่วยคนไทยที่อายุมากกว่า 50 ปี พบโรคนี้มากถึงร้อยละ 12 และมากกว่าครึ่งหนึ่งตรวจเจอโรคจอประสาทตาเสื่อมทั้งสองข้างอีกด้วย

โรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมถอยของร่างกายตามอายุ มีการสะสมของเสียในดวงตาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

ประเภทของโรคจอประสาทตาเสื่อมมี 2 ชนิด คือ

แบบที่ 1 แบบแห้ง (Dry AMD) หรือแบบเสื่อมช้า  เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุด  โดยเซลล์จอประสาทตาจะค่อย ๆ เสื่อมไปอย่างช้า ๆ การมองเห็นจะค่อย ๆ ลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น 

แบบที่ 2  แบบเปียก (Wet AMD) หรือแบบเร็ว พบร้อยละ 10-15 ของโรคจอประสาทตาเสื่อม โดยจะเกิดการสูญเสียการมองเห็นอย่างรวดเร็ว อันเกิดจากเส้นเลือดงอกใหม่ที่ผิดปกติและจอประสาทตาบวม รวมถึงมีเลือดออกที่จอประสาทตาร่วมได้

โรคนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แบบแห้ง กับ แบบเปียก


 

ปัจจัยเรื่องของโรคจอประสาทตาเสื่อมคืออะไร ?

มีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านที่ส่งผลต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมตามอายุ (Aged related macular degeneration) ได้แก่

  • อายุ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด สามารถพบโรคนี้ได้ในคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป จากการศึกษาวิจัยพบว่าหากอายุ 75 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้มากกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงอายุ 65-74 ปี
  • พันธุกรรม มีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมของคนที่เป็นโรคกับญาติสายตรง ผู้เกี่ยวข้องควรได้รับการตรวจจอประสาทตาทุก ๆ 1 ปี
  • การสูบบุหรี่ มีหลักฐานยืนยันพบว่า การสูบบุหรี่เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอย่างชัดเจน
  • โรคความดันเลือดสูง 
  • โรคไขมันในเลือดสูง
  • ปัจจัยอื่น ๆ เช่น เพศหญิง มีภาวะอ้วน คนผิวขาว คนสายตายาว เป็นต้น

 

อาการของโรคประสาทตาเสื่อมเป็นอย่างไร ?

  1. มองเห็นภาพจากแนวตรงเป็นลักษณะบิดเบี้ยวโค้งงอหรือเส้นขาดหาย
  2. มองไม่เห็นส่วนกลางของภาพ
  3. มองภาพหรืออ่านหนังสือที่ต้องใช้งานละเอียดยากกว่าปกติ
  4. การมองภาพต้องใช้แสงเพิ่มขึ้น
  5. มีจุดดำหรือจุดบอดบริเวณศูนย์กลางของภาพที่มองเห็น ทำให้มองเห็นใบหน้าของคนลำบาก

อายุ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด สามารถพบโรคนี้ได้ในคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป

 

การรักษาโรคประสาทตาเสื่อมทำได้อย่างไรบ้าง ?

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคนี้ให้หายขาด แต่สามารถชะลอให้การดำเนินของโรคจอประสาทตาเสื่อมช้าที่สุด โดยมีวิธีการรักษาดังนี้

  1. ควบคุมปัจจัยเสี่ยง เช่น การงดสูบบุหรี่ รักษาโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
  2. หากพบว่ามีคนในครอบครัวเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม แนะนำให้ ญาติมาตรวจตาคัดกรองกับจักษุแพทย์ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  3. การรับประทานยาชนิดพิเศษ เพื่อชะลอการเสื่อมของจอประสาทตาได้
  4. การยิงเลเซอร์ เพื่อทำลายเส้นเลือดงอกใหม่ที่ผิดปกติ ยับยั้งการเกิดเลือดออกในลูกตาได้
  5. การฉีดสารยับยั้งการงอกของหลอดเลือดในลูกตา มีการศึกษาวิจัยพบว่าสามารถช่วยให้ระดับการมองเห็นดีขึ้นได้ในผู้ป่วยเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียกได้
  6. การผ่าตัดน้ำวุ้นตา

โรคประสาทตาเสื่อมส่วนใหญ่ เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด แต่สามารถชะลอให้ตัวโรคดำเนินช้าลง หากเริ่มเข้าสู่วัยผู้สูงอายุควรเข้ารับการตรวจสุขภาพตาประจำปี เพื่อประเมินว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมหรือไม่ การตรวจคัดกรองดวงตาตั้งแต่เบื้องต้นจะช่วยให้ทำการรักษาได้ทันท่วงทีก่อนที่อาการจะรุนแรงและอาจสูญเสียการมองเห็นไปในที่สุด

ข้อมูล : ต.ค.66

บทความโดย : นพ.ศุภราช เลาหพิทักษ์วร, จักษุแพทย์เฉาพะทาง, รพ.พริ้นซ์ อุบลราชธานี

บทความสุขภาพอื่น ๆ

บทความทางการแพทย์

โรคอ้วน เป็นแบบไหน เป็นแล้วเสี่ยงหลายโรค เราเป็นโรคอ้วนหรือเปล่า

13 มีนาคม 2567

โรคอ้วน เป็นแบบไหน เป็นแล้วเสี่ยงหลายโรค เราเป็นโรคอ้วนหรือเปล่า?

ปัจจุบันคนไทยป่วยเป็น “โรคอ้วน” เพิ่มมากขึ้น และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงาน ที่นั่งเกือบตลอดทั้งวันและไม่ได้ออกกำลัง โรคอ้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคร้ายแรงต่าง ๆ ตามมาได้

บทความทางการแพทย์

โรค PTSD คืออะไร เกิดจากอะไรได้บ้าง

13 มีนาคม 2567

โรค PTSD คืออะไร เกิดจากอะไร โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ

การเสพข่าวที่มีความหดหู่ สะเทือนอารมณ์มากเกินไป อาจส่งผลเสียกับสภาพจิตใจ จนเสี่ยงเป็นโรค PTSD หรือ โรคที่เกิดความกดดันต่อจิตใจได้ ซึ่งโรคนี้จำเป็นต้องรักษาและเยียวยาอย่างจริงจัง เพื่อช่วยให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติได้ 

บทความทางการแพทย์

วัณโรคภัยร้ายใกล้ตัว

07 พฤศจิกายน 2566

วัณโรค คืออะไร รักษายังไง ภัยร้ายใกล้ตัวที่คุกคามคุณภาพชีวิต

วัณโรคเป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายได้ง่ายนับว่าเป็นกลุ่มโรคที่อันตรายร้ายแรงชนิดหนึ่งที่คร่าชีวิตมนุษย์ทั่วโลกเป็นจำนวนมาก เพราะเมื่อติดเชื้อจะมีผลต่อปอด หรือที่เรียกว่า "วัณโรคปอด"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ เมื่อคุณกดยอมรับเราจะสามารถเลือกแสดงสิ่งที่น่าสนใจสำหรับคุณได้โดยเฉพาะ และหากคุณต้องการเปลี่ยนการตั้งค่าของคุกกี้สามารถเลือกตั้งค่าความยินยอมการใช้คุกกี้ได้ โดยคลิก "การตั้งค่า" อ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติม

เมื่อท่านเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทจะใช้คุกกี้เพื่อให้มั่นใจว่าท่านจะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของบริษัท คุกกี้เหล่านี้อาจเกี่ยวกับท่าน การกำหนดลักษณะหรืออุปกรณ์ของท่าน ตามปกติข้อมูลจะไม่ระบุถึงท่านโดยตรง แต่สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ปรับเข้ากับบุคคลให้ท่านได้มากขึ้น เนื่องจากบริษัทเคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวของท่าน ท่านสามารถเลือกที่จะไม่อนุญาตคุกกี้บางประเภทได้ โดยเลือกในส่วนหัวของหมวดต่าง ๆ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมและเปลี่ยนการตั้งค่าเริ่มต้นของบริษัท อย่างไรก็ตาม การบล็อกคุกกี้บางประเภทอาจส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์และบริการที่บริษัทสามารถมอบให้ได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรุณาดูที่ประกาศเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัทในหน้าคุกกี้ของบริษัท

บริษัทจำเป็นต้องใช้คุกกี้ในการจดจำตัวเลือกที่ท่านได้เลือกไว้ในตัวจัดการความเป็นส่วนตัวของคุกกี้ ด้วยเหตุนี้ จึงจะเกิดผลลัพธ์สองอย่าง ดังนี้

1. ถ้าท่านลบคุกกี้ทั้งหมดของท่าน ท่านจะต้องอัพเดตค่าการกำหนดลักษณะกับบริษัทอีกครั้ง
2. ถ้าท่านใช้อุปกรณ์หรือเบราว์เซอร์อื่น ท่านจะต้องบอกค่าการกำหนดลักษณะให้บริษัททราบอีกครั้ง