
‘โรคเบาหวาน’ แท้จริงแล้ว ‘ไม่หวาน’ แถมสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ อาการและการรักษาเบาหวาน
28 มีนาคม 2567

เราอาจจะได้ยินคนพูดว่า “กินหวานขนาดนี้ เดี๋ยวก็เป็นเบาหวานหรอก” ซึ่งถ้าจะพูดว่า โรคเบาหวาน (Diabetes) เป็นโรคที่เกิดจากการทานหวาน ก็อาจจะไม่ถูกต้องไปเสียทั้งหมด เพราะว่าแค่การทานหวานเพียงอย่างเดียว ไม่อาจส่งผลให้เกิดโรคเบาหวานได้ อีกทั้งการเป็นโรคเบาหวาน อาจจะไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียว เพราะโรคนี้สามารถถ่ายทอดผ่านพันธุกรรมได้ด้วย
โรคเบาหวาน คืออะไร ?
โรคเบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากการที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติของร่างกายต่อฮอร์โมนที่ชื่อว่า “อินซูลิน” แบ่งออกได้เป็น 2 กรณี ได้แก่:
- การหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนลดลง
- ภาวะดื้อต่ออินซูลิน
โดยความบกพร่องดังกล่าวนี้ มีผลให้การดูดซึมน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงานของเซลล์ร่างกายลดลง จนมีผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสะสมเป็นปริมาณมาก และเป็นผลให้อวัยวะต่าง ๆ เสื่อมลง และเกิดโรคหรือภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ตามองไม่ชัด เท้าเป็นแผล ไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และอาจอันตรายถึงขั้นต้องทำการตัดอวัยวะ เป็นต้น
กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน คือใครบ้าง ?
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีมีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน (BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 25 หรือมีรอบเอวมากกว่ามาตรฐาน โดยผู้ชายรอบเอวมากกว่าหรือเท่ากับ 90 ซม. ผู้หญิงรอบเอวมากกว่าหรือเท่ากับ 80 ซม.)
- ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง
- สตรีที่มีประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์หรือน้ำหนักบุตรแรกคลอดมากกว่า 4 กิโลกรัม
- ผู้ที่ขาดการออกกำลังกาย
- ผู้ที่มีพฤติกรรมที่ทำร้ายสุขภาพ เช่น ดื่มสุรา หรือสูบบุหรี่
โรคเบาหวาน มีอาการอย่างไร ?
ในระยะแรก ผู้ป่วยมักไม่มีอาการแสดง ทำให้ไม่ได้เข้ามาพบแพทย์และส่งผลให้เสียโอกาสในการรักษาในตอนต้นไป จึงเป็นเหตุให้เราควรตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อที่จะได้เตรียมพร้อมรับมือตั้งตั้งแต่เนิ่น ๆ ส่วนผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมาได้สักระยะหนึ่งแล้วมักจะมีอาการแสดงดังต่อไปนี้:
- รู้สึกกระหายน้ำบ่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- ปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวันและกลางคืน
- รับประทานอาหารมากขึ้นแต่กลับน้ำหนักลด
- มีปัญหาด้านการมองเห็น ได้แก่ ตาพร่าลาย เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน
- มีแผลเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ
โรคเบาหวาน รักษาอย่างไร ?
เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดในปัจจุบัน แต่ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ต่าง ๆ ทำให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตใกล้เคียงคนปกติได้ ซึ่งผู้ป่วยสามารถดูแลรักษาสุขภาพตัวเองได้ด้วยการ:
- รักษาแบบใช้ยา: แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ยารับประทานและยาฉีด ซึ่งแต่ละแบบมีกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันออกไป โดยยารักษาโรคเบาหวานในปัจจุบันมีผลข้างเคียงน้อยและสะดวกในการใช้ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ตัดสินใจจ่ายยาให้กับผู้ป่วยแต่ละรายตามความเหมาะสม
- รักษาแบบไม่ใช้ยา: คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คุมอาหาร และออกกำลังกาย เช่น:
- รับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ต่ำ ทำให้ดูดซึมน้ำตาลช้า อิ่มนาน เช่น ผักใบเขียว ฝรั่ง แอปเปิ้ล กล้วยน้ำว้า ข้าวโอ๊ต ข้าวซ้อมมือ วุ้นเส้น เป็นต้น
- รับประทานน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน
- ออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น เดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 – 5 ครั้ง หรืออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
การรักษาแบบใช้ยา และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิตและไขมันในเลือดให้ใกล้เคียงเกณฑ์ของคนปกติมากที่สุด รวมถึงเป็นการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีเพื่อเลี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อติดตามอาการเป็นระยะ ๆ
บทความโดย : พญ.ดารกา รัชฎาภรณ์กุล, รพ.พิษณุเวช, ต.ค.66
บทความสุขภาพอื่น ๆ
บทความทางการแพทย์
26 มีนาคม 2567
โรคซึมเศร้า (Depression) รู้และเข้าใจ โรคทางจิตเวชใกล้ตัวที่เราวินิจฉัยด้วยตัวเองได้ รู้ก่อน รับการรักษาได้ก่อน
โรคซึมเศร้า (Depression) เป็นโรคทางจิตเวชซึ่งเกิดจากความผิดปกติของสมอง ในส่วนที่มีผลกระทบต่อความคิด อารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรม รวมถึงสุขภาพทางกาย
บทความประชาสัมพันธ์
Digital Hospital พลิกโฉมโรงพยาบาลสู่ยุคดิจิทัล ยกระดับการดูแลสุขภาพด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกด้านของชีวิต โรงพยาบาลก็ไม่พ้นจากการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน การเกิดขึ้นของ “Digital Hospital” หรือโรงพยาบาลดิจิทัล ไม่ได้เป็นเพียงแค่การนำเทคโนโลยีมาใช้ในระบบสุขภาพ แต่ยังเป็นการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วยและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางการแพทย์ให้ดียิ่งขึ้น
บทความทางการแพทย์
13 มีนาคม 2567
ฮีทสโตรค (Heat Stroke) คืออะไร อาการเป็นอย่างไร ภาวะฉุกเฉินที่อันตรายถึงชีวิต
“ฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีหน้าร้อนทั้งปี ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถลดอุณหภูมิกายลงได้ เป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีเนื่องจากอาจทำให้เสียชีวิตได้สูงมาก”